ตามข้อมูลกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดการณ์ว่าในปี 2567 เศรษฐกิจโลกจะเติบโตเพียงร้อยละ 3.2 ลดลงจากร้อยละ 3.3 ในปี 2566 โดยมีปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกอย่างต่อเนื่อง เช่น ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ เงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูง และความล่าช้าในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางหลัก อีกทั้งเมื่อต้นปี 2568 เศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะชะงักงันและเกิดความผันผวนมากขึ้น เนื่องจากความไม่แน่นอนที่ปะทุขึ้นมาใหม่ของสงครามการค้าระหว่างมหาอำนาจโลก ซึ่งส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทาน การลงทุน และทิศทางการค้าโลกในภาพรวมอย่างมีนัยสำคัญ สำหรับสถานการณ์ในประเทศเผชิญกับความท้าทายจากนโยบายกีดกันการค้าซึ่งกดดันการส่งออกและลงทุน และ การชะลอตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์ รวมถึง ความสามารถในการแข่งขันของสินค้าไทยทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ
ในฐานะคณะกรรมการบริษัทจึงกำหนดเป้าหมาย แผนกลยุทธ์ และแผนการดำเนินธุรกิจเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตของบริษัทย่อย สร้างโอกาสเพื่อการเติบโตทางธุรกิจ และแก้ไขปัญหาธุรกิจในต่างประเทศ รวมถึง ได้ทบทวนแผนการดำเนินงานเป็นระยะเพื่อปรับปรุงให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนของสถานการณ์โลกที่เกิดขึ้น โดยในปีบัญชี 2567/2568 (1 เมษายน 2567 – 31 มีนาคม 2568) บริษัทมุ่งเน้นสร้างการเติบโตแบบ Organic Growth พร้อมมุ่งมั่นวิจัยและพัฒนาสร้างสรรค์สินค้านวัตกรรม สร้าง New S-Curve อย่างต่อเนื่อง อีกทั้ง ร่วมวางแผนและปรับปรุงการดำเนินงานของธุรกิจร่วมทุนในแอฟริกาใต้ รวมถึง บริหารการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
สำหรับผลการดำเนินงานในปีบัญชี 2567/2568 มีรายได้จากการขายรวม 13,790 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.7 และ มีกำไรสุทธิรวม 808 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 33.2 เมื่อเทียบกับปีก่อน
ธุรกิจฉนวนยางกันความร้อน/เย็น ยอดขายทั้งในประเทศและต่างประเทศเติบโตได้ตามเป้าหมาย โดยธุรกิจในสหรัฐอเมริกาเติบโตอย่างต่อเนื่อง ตามความต้องการสินค้าเกรดพรีเมี่ยมและสินค้ารุ่นใหม่ ซึ่งได้รับการตอบรับจากกลุ่มลูกค้าเป็นอย่างดี อย่างไรก็ตาม บริษัทเตรียมแผนรองรับความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการปรับขึ้นภาษีของสหรัฐอเมริกาเพื่อบรรเทาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต สำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์อยู่ในสภาวะชะลอการเติบโตจากยอดการผลิตที่ปรับตัวลดลง ธุรกิจชิ้นส่วนอุปกรณ์และตกแต่งยานยนต์ จึงขยายฐานลูกค้ากลุ่ม OEM ด้วยสินค้ารุ่นใหม่ ๆ เช่น Flat deck ที่ผลิตให้แก่ค่ายยานยนต์ญี่ปุน ซึ่งบริษัทรับรู้รายได้เต็มปีในปีบัญชีนี้ และพัฒนา Side Step รุ่นใหม่ที่มีน้ำหนักลดลง และทยอยส่งให้แก่กลุ่มค้า OEM บ้างแล้ว ส่วนธุรกิจในออสเตรเลีย Aeroklas Asia Pacific Group Pty. Ltd. (AAPG) ออสเตรเลีย ได้ยุติการดำเนินงานใน TJM Off-Road Products Inc. สหรัฐอเมริกา เนื่องจากมีต้นทุนการดำเนินงานสูงโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ค่าใช้จ่ายในการขนส่งในสหรัฐอเมริกา อีกทั้ง อยู่ระหว่างดำเนินการลดค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร รวมทั้งปรับปรุงการดำเนินธุรกิจให้ฟื้นตัว สำหรับธุรกิจบรรจุภัณฑ์พลาสติก ใช้จุดแข็งจากเทคโนโลยี นวัตกรรมการผลิต และมาตรฐานต่าง ๆ เพื่อใช้ขยายฐานลูกค้าอุตสาหกรรมให้เพิ่มขึ้น รวมถึงเพิ่มความหลากหลายของบรรจุภัณฑ์เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ครบถ้วน นอกจากนี้ บริษัทได้รับส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมและการร่วมค้าลดลง อันเนื่องมาจากการชะลอตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์
โดยในปีบัญชีนี้ บริษัทตั้งสำรองผลขาดทุนทางเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นที่ 324 ล้านบาท ส่วนใหญ่มาจากรายการลูกหนี้การค้าของบริษัท แอร์โรคลาส จำกัด ซึ่งจำหน่ายวัตถุดิบเพื่อใช้ผลิตสินค้าให้แก่ธุรกิจร่วมทุนในแอฟริกาใต้ ซึ่งได้รับคำสั่งซื้อสำคัญจากค่ายยานยนต์รายใหญ่ในมูลค่าที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ธุรกิจร่วมทุนดังกล่าวประสบปัญหาขาดสภาพคล่อง บริษัทตระหนักถึงปัญหาที่เกิดขึ้น จึงส่งผู้บริหารพร้อมทีมงานร่วมแก้ไขปัญหาในบริษัทร่วมทุน นับตั้งแต่ไตรมาสที่ 3 ปีบัญชี 2566/2567 (1 ตุลาคม – 31 ธันวาคม 2566) ที่ผ่านมา เพื่อให้คณะกรรมการบริษัทรับทราบถึงความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น นอกจากนี้ บริษัทได้รับผลกระทบจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ รวมถึงค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่เพิ่มสูงขึ้นอันเป็นผลมาจากการลงทุนด้านการตลาด และการขยายตัวขององค์กรเพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต จากปัจจัยต่างๆ ที่เกิดขึ้นนี้บริษัทจึงใช้มาตรการควบคุมต้นทุน และกลยุทธ์บริหารความเสี่ยง เพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขัน และสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนในระยะยาว
ทั้งนี้ จากการพิจารณาผลการดำเนินงานที่ผ่านมาคณะกรรมการบริษัทจึงมีมติให้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลสำหรับผลการดำเนินงานสิ้นสุด 30 กันยายน 2567 ในอัตราหุ้นละ 0.06 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 168 ล้านบาท โดยได้จ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นแล้วเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2567 และมีมติให้เสนอที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 เพื่อขออนุมัติการจ่ายเงินปันผลประจำปีในอัตราหุ้นละ 0.08 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 224 ล้านบาท หากรวมทั้งปีจะมีการจ่ายปันผลรวม 392 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 48.5 ของผลกำไรสุทธิ (Payout ratio)
บริษัทยังคงให้ความสำคัญกับการวิจัยและพัฒนา โดยมุ่งเน้นการสร้างสรรค์นวัตกรรมและการพัฒนากระบวนการทำงานไปพร้อมกับการส่งเสริมนวัฒนธรรมองค์กรในด้านนวัตกรรมในปีบัญชีนี้ บริษัทได้ปรับปรุงกระบวนการผลิตเพื่อเพิ่มความเร็ว ในการผลิตสินค้าใหม่ และ สร้างสินค้า New S-Curve อย่างต่อเนื่อง ได้แก่ หลังคากันความร้อนแบบสำเร็จรูป ประเภทเมทัลชีทติดฉนวนสำเร็จรูป (Aero Metal Rooftop)/ Flat deck/ บันไดข้างรถกระบะรุ่นใหม่ เป็นต้น สินค้านวัตกรรมเหล่านี้ สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างครบถ้วนจึงเป็นส่วนสำคัญที่สนับสนุนให้บริษัทเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง นอกเหนือจากการพัฒนาสินค้านวัตกรรมเพื่อช่วยเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจแล้ว บริษัทคำนึงถึงการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย ยกตัวอย่างเช่น ฉนวนกันความร้อน/เย็น Aeroflex เป็นฉนวนที่ช่วยประหยัดพลังงานและได้รับการรับรองคาร์บอนฟุตพริ้นท์สำหรับผลิตภัณฑ์/ชิ้นส่วนยานยนต์ Aeroklas ใช้แนวคิดพัฒนาสินค้าด้วยการออกแบบ และผลิตชิ้นส่วนยานยนต์จากโพลีเมอร์และพลาสติกเพื่อลดน้ำหนักของยานยนต์ เพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ที่สำคัญมีความปลอดภัยสูง และบรรจุภัณฑ์พลาสติก EPP ปรับปรุงกระบวนการผลิตให้มีสัดส่วนการใช้พลังงานต่อหน่วยลดลง เพิ่มประสิทธิภาพและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
นับว่าบริษัทประสบความสำเร็จจากการรุกตลาดธุรกิจฉนวนยางกันความร้อน/เย็น ในสหรัฐอเมริกา ยอดขายเติบโตดีขึ้นจากการขยายฐานลูกค้า กลุ่มลูกค้าขายส่งและกลุ่มลูกค้าโครงการ ซึ่งมีความต้องการใช้ฉนวนยาง Aeroflex เกรดพรีเมียม สำหรับธุรกิจในออสเตรเลีย สำหรับธุรกิจในออสเตรเลีย Aeroklas Asia Pacific Group Pty. Ltd. (AAPG) ยอดขายเติบโตขึ้นจากการควบรวมกิจการร้านค้าปลีก TJM แต่ค่าใช้จ่ายปรับสูงขึ้น จึงได้ยุติการดำเนินงานใน TJM Off-Road Products Inc. สหรัฐอเมริกา เนื่องจากมีต้นทุนการดำเนินงานสูงโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ค่าใช้จ่ายในการขนส่งในสหรัฐอเมริกา นอกจากนี้ บริษัท แอร์โรคลาส จำกัด เตรียมจัดตั้งบริษัทย่อยใหม่ในแอฟริกาใต้ เพื่อขยายกิจการผลิตชิ้นส่วนและอุปกรณ์ตกแต่งยานยนต์ให้กับบริษัทผู้ประกอบยานยนต์ขนาดใหญ่แห่งหนึ่งของโลก ซึ่งเป็นลูกค้าใหม่ในประเทศแอฟริกาใต้โดยบริษัท แอร์โรคลาส จำกัด จะถือหุ้นในบริษัทย่อยแห่งใหม่นี้ในสัดส่วนร้อยละ 100 ของทุนจดทะเบียนบริษัทใหม่ โดยคาดว่าเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ภายในปี 2569
การเติบโตของบริษัท อีสเทิร์นโพลีเมอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ยึดมั่นตามวิสัยทัศน์ขององค์กรที่จะเติบโตขึ้นด้วยนวัตกรรมที่สร้างสรรค์พัฒนาสินค้าคุณภาพเป็นประโยชน์ต่อสังคมและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ตลอดจนสร้างความมั่นคงของเครือข่ายธุรกิจรองรับการเติบโตในตลาดโลก เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนคณะกรรมการบริษัทยึดหลักธรรมาภิบาลในการดำเนินธุรกิจสนับสนุนการดูแลสิ่งแวดล้อม และมีความรับผิดชอบต่อสังคม ส่งผลให้ในปีบัญชี 2567/2568
ในนามของคณะกรรมการบริษัทขอขอบคุณ พนักงาน คู่ค้า ลูกค้า ผู้ถือหุ้น และผู้สนับสนุนในทุกๆ ด้านที่ให้การสนับสนุนและให้ความไว้วางใจบริษัทด้วยดีเสมอมา และขอให้เชื่อมั่นว่าบริษัทมีเจตนารมณ์ที่จะดำเนินธุรกิจให้เจริญเติบโตบนพื้นฐานของธรรมาภิบาลและการพัฒนาอย่างยั่งยืน รวมถึงคำนึงถึงผลประโยชน์ของผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่มเป็นสำคัญ
ประวัติความเป็นมาของบริษัท
ภาพรวมธุรกิจบริษัท
โครงสร้างธุรกิจ
บริษัทในเครือ EPG
ข้อมูลพื้นฐาน
สารจากคณะกรรมการ
ปรัชญา
วิสัยทัศน์และพันธกิจ
โครงสร้างองค์กร
คณะกรรมการบริษัท
คณะกรรมการบริหาร
รางวัล
ภาพวีดีโอบริษัท